อยากให้รุ่นน้องมองกลับไปในสมัยก่อนว่าโรงเรียนมีของดีอะไร : พิชัย วงศไวศยวรรณ

“Reputation ทำให้ lead ตัวเราเหมือนกัน คงไม่ใช่แบบว่าจบจากอัสสัมปั้ป ใช้ไม่ได้ ต้องมอง เห้ย! ท่าทางไอนี่ใช้ได้นะ คุยรู้เรื่อง พอเป็นคนมีระเบียบเรียบร้อย ก็คิดไว้ว่าภาษาอังกฤษมันต้องเก่ง”
เขาคือนักเรียนคนหนึ่งที่เข้ารั้วเอซี ตอน ป.5 แล้ว โดนคาดโทษตอนสอบเข้าว่าต้องสอบผ่านอังกฤษไม่เช่นนั้นจะโดนออก หลังจากนั้นเขาก็ตั้งใจเรียนมาโดยตลอด และได้คะแนนลำดับต้น ๆ ของรุ่น เคยได้ Certificate และ Diploma ของโรงเรียน โดยระหว่างเรียนเขาก็ทำกิจกรรมรวมถึงเป็นนักกีฬาบาสโรงเรียนอีกด้วย ด้วยความที่เขามีความสามารถเรื่องวาดรูป และพอสนใจในงานศิลปะ ทำให้เขาเลือกเข้าต่อยังสายสถาปัตย์ ซึ่งเขาเองก็ยังค่อยแน่ใจว่าสายวิชานี้สอนอะไรชัดเจนมากนัก ปัจจุบันคุณพิชัย วงศ์ไวศวรรณ อัสสัมชนิกหมายเลขประจำตัว 26018 รุ่น 94 ดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการบริษัทสถาปนิก 49 จำกัด
“ผมเข้ามาเรียนอัสสัมชัญตอน ป.5 สมัยก่อนก็เรียนโรงเรียนจีน วจก แถว ๆ เยาวราช ตอนสอบเข้าที่อัสสัมชัญ ภาษาอังกฤษก็ไม่รู้เรื่องเลย จำได้ว่า มาเข้าตอนที่บราเดอร์หลุยส์เป็นอธิการ ตอนนั้นก็โหดมาก หนักมาก เพราะไม่เคยเรียนภาษาอังกฤษ เรียนแต่ภาษาจีนกับภาษาไทย ภาษาอังกฤษตอนนั้นความรู้เป็นศูนย์ ตอนมาสอบก็เหนื่อยมาก ๆ ฉะนั้นเนี่ย เข้ามาบราเดอร์จึงคาดโทษบ่อยมาก บราเดอร์ก็บอกว่าถ้าเทอมแรกสอบตก “ออก” (ฮาๆ)
"ฉะนั้นผมกับพี่ชายผม ลูกพี่ลูกน้องกัน ก็เข้ามาเรียนพร้อมกัน ก็มีคุณน้า ซึ่งภาษาอังกฤษเขาดี ก็มาสอนเรา เคี่ยวเข็ญเรา จนกระทั่งเราก็เรียนสอบผ่านได้ เทอมแรกก็เรียนได้ที่ 3 ด้วยความภูมิใจ (ฮาๆ) แต่ว่ามันก็เป็นเรื่องที่ พวกเราต้องพยายามเพราะเป็นภาษาใหม่ ที่เราไม่เคยรู้เลย เรื่องภาษาไทย วิชาอื่นเราโอเคอยู่แล้ว ฉะนั้นชีวิตผมที่อัสสัมชัญ จริงๆ ก็ค่อนข้างเรียบ เรียกว่าเป็นเด็กดีละกัน ไม่ได้มีปัญหากับครู เล่นกีฬา ก็ชอบเล่นฟุตบอล วอลเลย์บอล และบาสเกตบอล เรื่องเรียนหนังสือ ก็ตั้งใจเรียน เป็นเด็กเรียนดี ได้ Certificate ได้ Diploma อะไรอย่างนี้อะนะ”
แล้วพี่มีทำกิจกรรมที่โรงเรียนไหมครับ ?
"โอ้ย เป็นปกติ ทุกคนทำอยู่แล้ว มีความสุข สนุกกับมัน ไปค่ายก็มี โอ้ย…สนุกที่โรงเรียนพาไปดู trip ดูวังอะไรทั้งหลาย ไปจันทบุรี ดูนู่นดูนี่ สนุก กิจกรรมโรงเรียนสมัยนั้นก็เชียร์ ซ้อมเชียร์ใช่มะ ซ้อมแปรอักษร เป็นเรื่องที่โรงเรียนเรามีชื่ออยู่แล้ว แต่ก็สนุกดีไปกับเพื่อน มันก็สนุกแหละ ผมว่ามันก็ทำให้พวกเราผูกพันกันด้วย ส่วนใหญ่ผมเป็นนักกีฬา ก็ซ้อม หลังเลิกเรียนก็ซ้อมกีฬา กีฬาสีก็สนุกดี จำได้"
หากพูดถึงเรื่องภาพลักษณ์ของโรงเรียนเรากับคนข้างนอก มองว่าเป็นยังไงบ้างครับ ?
"เรื่อง Reputation ก็มีบ้าง สมมุติว่าเพื่อนเรามองว่า เอ้ย ไอนี่มาจากอัสสัม เขาก็จะมองภาพเราอย่างนึง บางคนก็มองภาพว่าเสี่ยนิหว่า ซึ่งมันก็ไม่เกี่ยวกับ Character ส่วนตัว เป็นภาพซักมากกว่า ว่า"
"อ่อ ไอนี่มาจากอัสสัมนะ มาจากโรงเรียนชายล้วน ต้องเป็นพวกคนมีเงิน เป็นลูกหลานอาเสี่ย จริงไม่จริงไม่รู้อ่ะ (ฮาๆ) แต่ถือว่า respond ส่วนใหญ่ถือว่าดี รู้ว่าจบอัสสัม เออ…จบจากโรงเรียนดี"
"ก็คล้ายๆ ว่า Reputation ทำให้ lead ตัวเราเหมือนกัน คงไม่ใช่แบบว่าจบจากอัสสัมปั้ป ใช้ไม่ได้ ต้องมอง เห้ย ถ้าทางไอนี่ใช้ได้นะ คุยรู้เรื่อง พอเป็นคนมีระเบียบเรียบร้อย ก็คิดไว้ว่าภาษาอังกฤษมันต้องเก่ง จริงไม่จริงอื่นเรื่องนึง พวกสอบตกก็มี (ฮาๆ)"
แล้วโรงเรียนอัสสัมชัญให้อะไรกับพี่บ้างครับ ?
"ผมคิดว่า คือเรื่องระเบียบวินัยครับ ความมีวินัย สอนให้เราเป็นคนดี อันนี้สำคัญมาก ๆ สมัยเด็กก็เรียนคำสอนนะ แต่ว่าที่บ้านผมไม่ได้เป็นคริสต์นะ คือมีคุณอาเป็นคริสต์คาทอลิก และก็คนอื่นๆ แต่ไม่ใช่เป็นทั้งครอบครัวนะ อากง อาม่า ผมมาจากจีน ก็เลยไม่ได้เป๊ะศาสนามาก พอเรามาเรียนที่อัสสัมชัญเนี่ย ก็เป็นโรงเรียนคาทอลิกนะ ก็มีมาสเตอร์ถามว่าจะเรียนพุทธหรือเรียนคำสอน ผมก็เลือกคำสอนก็ได้ว้า เวลาไปโบสถ์ก็ไป ผมว่ามันก็สอนอะไรบางอย่างให้กับผม เห็นมุมมองที่แตกต่างจากทั่วไป คืออย่างพุทธ ก็เป็นชีวิตประจำวัน พอเห็นอ่ะ ไปงานศพเป็นอย่างงี้ ไปเข้าวัด พิธีบวช แต่ว่าวิธีคริสต์ก็อีกแบบนึง ทำให้เราเห็นความแตกต่างเหมือนกัน แต่เราก็สรุปว่าทุกศาสนาเนี่ยตั้งใจสอนคนให้มียึดมั่น และก็สอนคนให้เป็นคนดี ให้ทำความดี อยู่กับคน เพื่อนร่วมโลกด้วยกัน"
"โรงเรียนเราก็มีอีกอย่างที่ดีเหมือนกัน คิดว่า เป็น Mix อ่ะ อยู่ด้วยความรัก อาจมีล้อเล่นกันบ้างเอาหมูแหย่กันกับเพื่อนมุสลิม แต่ว่าก็เล่นกันแบบสนุก ๆ เราก็รู้ว่าการนับถือศาสนาเนี่ย ถึงแม้จะมีความเชื่อที่ต่างกัน แต่ทุกศาสนาเสรี ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของบ้านเรา แล้วเราก็รู้สึกว่าเป็นคุณค่าที่ดีอันนึงที่มีเพื่อนทั้งพุทธ ทั้งคริสต์ ทั้งแขก นอกจากนี้อัสสัมเนี่ยก็จะเป็นแบบ Good mix"
"ที่มีตั้งแต่เพื่อนที่จนชิบหาย ไปจนถึงเพื่อนที่รวยชิบหายเลย แต่ก็รักกัน กอดคอกันได้ทุกวัน เตะตูดได้ทุกวัน ก็ความประทับของผมต่อโรงเรียนก็คือ ไอตรงนี้"
"มันเป็นพื้นฐานที่ปลูกฝังให้เราเป็นคนดี บราเดอร์สอนเรา เข้มงวดกับเรา เพราะต้องการให้เราเป็นคนมีวินัย และก็วิชาการเราก็แข็งแรง ก็ทำให้ตัวเราได้จากโรงเรียน เพราะโรงเรียนมีส่วนช่วยเรามาก วัยที่เราเรียนประถม มัธยมเนี่ย เป็นช่วงที่ Shape ตัวเราขึ้นมา พอเราเข้ามหาวิทยาลัยเนี่ย เราก็จะพุ่งหาสิ่งที่เรารู้แล้วว่าจะทำอะไร แล้วก่อตัวขึ้นไปข้างหน้า โรงเรียนก็เลยเป็นพื้นฐานที่ดีมากๆ เป็นบุญคุณโรงเรียนไม่รู้จบ"
อยากฝากอะไรถึงรุ่นน้องไหมครับ ?
"เราก็คงพอรับทราบปัญหาของโรงเรียนที่ผ่านมาพอสมควร"
"ผมว่าโรงเรียนเรามันพ้นสมัยไปแล้วรึเปล่า คือมันเหมือนมันปรับตัวไม่ทันในยุคสมัยใหม่"
"นั่นคือส่วนหนึ่งนะครับ ฉะนั้นเนี่ยเวลาเราคุยกับน้องรุ่นปัจจุบันเนี่ย เราคงถาม เอ้ยเป็นยังไง รู้สึกยังไง ครูเป็นยังไง บราเดอร์ไปยังไงบ้าง เอ้ยเรียนหนักมั้ย เพื่อที่จะพยายามเข้าใจ หรืออย่างการแต่งตัวของนักเรียน สไตล์รองเท้า อะไรต่าง ๆ มันก็ต้องถามเขาตรง ๆ ว่า รู้สึก happy มั้ย หรือว่าเขาเรียนแล้วชอบไม่ชอบอะไร ก็ส่วนหนึ่งก็พอเข้าใจ ก็อยากให้เขามองกลับไปในสมัยก่อน ๆ ว่าโรงเรียนมีของดีอะไร ครูที่ดีที่เราพูดถึง
"อย่างในปัจจุบัน บราเดอร์หลุยส์ยังอยู่เนี่ย ยังช่วยกันประคับประคองกัน นี่คือครูแท้ๆ ความเป็นครูเนี่ยมันสุดยอด คือลองไปมองในรุ่นแก่ ๆ ว่าสอนอะไร แล้วเราปฏิบัติตัวให้เป็นเด็กอัสสัมแบบเต็มภาคภูมิอ่ะ ปัจจุบันโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว Somehow value ที่เรามีในสมัยก่อน ชื่อเสียงที่เรามี เรื่องโรงเรียนที่เข้มงวด ระเบียบวินัย เด็กจบที่เนี่ย เป็นเด็กเก่ง เรียนเก่ง ภาษาอังกฤษสุดยอด Value พวกนี้อ่ะ มันเริ่มละลายหายไป"
"แต่สิ่งที่สำคัญมาก ๆ เลยคือ เรื่องระเบียบวินัย ซึ่งจริง ๆ มันเป็นปัญหาของสังคมไทย ก็อยากให้ช่วยกันประคับประคอง"
"ของดีของบ้านเราคุณสังเกตสิ สถานที่ท่องเที่ยวดีๆ บ้านเรา แม่งพังหมดเลย เรารักษาของดีไม่เป็นอ่ะ เราคิดถึงตัวเองมากเกินไป ฉะนั้นเนี่ยเราต้องเปลี่ยน Value นี้ให้ได้ สิ่งที่ missionaries เข้ามา brothers เข้ามา มาสอนระเบียบอะไรเนี่ย มันเป็นพื้นฐานที่สำคัญมาก ๆ เลย แล้วมันก็ช่วยทั้งตัวเรา และช่วยทั้งสังคม"
"ถ้าเราเข้าใจเรื่องพวกนี้ เราทำตัวดี เราทำให้คนรอบ ๆ ตัวเราดีด้วย ก็อยากบอกน้องช่วยเป็นคนดี ๆ นะลูก"